FAQ : HardLock

ตอบ : HardLock คืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ขนาดเล็กที่ใช้ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ โดยการเสียบตัว HardLock กับเครื่องคอมพิวเตอร์

“ฮาร์ดล็อก” และ “HardLock” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท อาร์ แอนด์ ดี คอมพิวเตอร์ ซิสเท็ม จำกัด ผลิตออกจำหน่ายครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 มีการใช้งานแพร่หลายในวงการซอฟต์แวร์ เช่นโปรแกรมระบบภาษาไทย โปรแกรมระบบบัญชี โปรแกรมทางวิศวกรรม โปรแกรมเฉพาะทางต่างๆ มีรุ่นที่ออกจำหน่ายแล้วเช่น HardLock HLX, HardLock HLE, HardLock HID และ HardLock II ปัจจุบันมีจำหน่ายในรุ่น HardLock-USB, HardLock-ND และ HardLock-NetND

ปัจจุบันแม้จะมีสินค้าจากต่างประเทศที่มีลักษณะคล้ายกัน เรียกว่า “Dongle” เข้ามาจำหน่ายและอ้างว่าเป็น HardLock แต่จริงๆ แล้วสินค้าเหล่านั้นทำงานไม่เหมือนกับ HardLock และไม่ใช่ HardLock

ตอบ :

  1. มีลูกเล่นในการใช้งานมากกว่า เช่นมี User Algorithm ให้ใช้งาน
  2. มี Enveloper ที่ใช้งานกับไฟล์ EXE, DLLของ .Net ได้
  3. ล็อกโปรแกรมแอนิเมชันที่สร้างจาก Flash ได้ (ไฟล์ SWF)
  4. ล็อกไฟล์ข้อมูล เช่น PDF, MOV, MP3 ได้ โดยการล็อกพร้อมกับโปรแกรมที่ใช้สำหรับดู
  5. ใช้งานง่ายกว่ายี่ห้ออื่น ทั้งการทำ Envelope หรือ API ไม่ต้องเสียเวลาศึกษามาก
  6. ราคาประหยัดกว่ายี่ห้ออื่น
  7. ทำงานเร็ว ไม่หน่วงเวลาเครื่อง

ตอบ : สินค้าฮาร์ดแวร์ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ของทุกค่ายจะมีการทำงานคล้ายๆ กัน แตกต่างกันบ้างในรายละเอียด แต่ทุกรายก็มักอ้างว่าของตัวเองแน่นหนาที่สุด ในความจริง ไม่มีอะไรในโลกที่แน่นหนาหรือปลอดภัย 100% หากเราท้าทายให้แฮกเกอร์แกะโปรแกรมที่ล็อกแล้วโดยไม่จำกัดเวลา, ไม่จำกัดวิธีการ และมีเงินรางวัลแถมให้ รับรองได้ว่าไม่มี Dongleตัวไหนที่จะแกะไม่ออก

HardLock ของ อาร์ แอนด์ ดี ก็เช่นกัน เราไม่สามารถบอกได้ว่าปลอดภัย 100% แต่เรารับรองได้ว่า สำหรับผู้ใช้โดยทั่วไปแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแกะ เพราะต้องใช้ความรู้ทั้งทางฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และความรู้เฉพาะด้านอีกหลายๆ สาขาพร้อมกัน เช่น การเข้ารหัส-ถอดรหัส การทำงานของระบบปฏิบัติการ การทำงานของไดรเวอร์ ฯลฯ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าโปรแกรมที่ถูกล็อกแล้วมีความมั่นคงปลอดภัยอย่างแน่นอน

ตอบ : ข้อดีของ HardLock

  1. ลูกค้าไม่อึดอัดในเรื่องการทำสำเนาโปรแกรม หรือการย้ายเครื่อง จะทำกี่ครั้งก็ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จำกัดแค่เพียงใช้ได้เฉพาะเครื่องที่เสียบตัว HardLock ไว้เท่านั้น แต่ถ้าใช้แผ่น DiskLock หรือ Activate Key ลูกค้าจะทำสำเนาไม่ได้ ย้ายเครื่องได้ยาก ฮาร์ดดิสก์เสียแล้วเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ใหม่ก็ไม่ได้ แม้บางทีจะลง Windows ใหม่ก็ไม่ได้ จะเสียสิทธิ์การติดตั้งไปเลย
  2. ในกรณีของ DiskLock หรือ SoftLock บางทีซอฟต์แวร์เฮาส์ต้องยอมให้ Disk แผ่นเดียวสามารถติดตั้งโปรแกรมได้มากกว่า 1 ครั้งเผื่อลูกค้าติดตั้งแล้วมีปัญหา ลูกค้าบางรายจึงแอบนำไปติดตั้งลงหลายๆ เครื่อง
  3. ตอนนี้มีโปรแกรมที่สามารถ Copy พวก DiskLock ต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต รวมทั้ง Serial Number ก็มีแจกกัน ทำให้การล็อกด้วย DiskLock หรือการใช้ Serial Number ไม่สามารถป้องกันได้จริง
  4. ถ้าล็อกด้วย Serial Number ลูกค้าอาจนำ Serial Number ไปใช้กับหลายๆ เครื่อง หรือแจกให้เพื่อนฝูงได้ หรือแม้แต่ทำเป็น CD จำหน่ายก็เป็นไปได้ แต่กับตัว HardLock จะทำแบบนี้ไม่ได้เลย

ตอบ : กรณีการล็อกด้วยวิธี API จะมีผลน้อยมาก การเรียก API แต่ละครั้งกินเวลาประมาณแค่ประมาณ 0.01 วินาทีเท่านั้น ถึงแม้จะเรียกหลายๆ ครั้งก็ไม่มีผลให้สังเกตเห็นได้ เวลาอื่นที่ไม่ได้เรียก API ก็จะไม่มีผลอะไรเลย แต่ทั้งนี้ต้องระวังไม่นำ API ไปแทรกในจุดที่โปรแกรมทำงานซ้ำบ่อยๆ เช่นใน Loop

กรณีใช้ Envelope จะมีผลเฉพาะตอนโหลดโปรแกรมเท่านั้นที่จะช้าไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็สังเกตได้ยาก และหลังจากนั้นโปรแกรมจะทำงานด้วยความเร็วปกติ

ตอบ : การ Emulation นั้นเหมาะสำหรับการแกะ Dongle รุ่นเก่าๆที่มีโครงสร้างง่ายๆ แต่สำหรับ HardLock รุ่นปัจจุบันจะแกะไม่ได้ เพราะการ Emulation พอร์ต USB นั้นทำได้ยากมาก อีกทั้งตัว HardLock รุ่นนี้จะมีไมโครโปรเซสเซอร์อยู่ภายในทำให้การสื่อสารมีความซับซ้อนสูง การติดต่อจะมีรหัสเฉพาะที่เปลี่ยนไปทุกครั้งไม่เหมือนกัน และยังมีการผสมสัญญาณรบกวนแบบสุ่ม (Random Noise) ไว้กับข้อมูล ทำให้ไม่สามารถนำเอาข้อมูลเก่าที่ดักเก็บไว้มา Emulate ซ้ำในภายหลังได้

ตอบ : ทำได้ 3 แบบ แบบแรกคือวิธี Envelope โดยเอาโปรแกรมที่เป็นไฟล์แบบ EXE หรือ DLL มาทำเปลือกหุ้ม มีข้อดีคือทำง่าย ไม่ต้องศึกษามาก และไม่ต้องใช้ Source Code แบบที่ 2 คือใช้ API วิธีนี้จะต้องมีการแก้ Source Code แล้วคอมไพล์โปรแกรมใหม่ มีข้อดีคือมีความแน่นหนาสูงสามารถทำให้ซับซ้อนได้ตามใจโปรแกรมเมอร์ แบบที่ 3 คือแบบผสม ทำ API ก่อนแล้วตามด้วย Envelope ซึ่งจะแน่นหนาที่สุด

ตอบ : มีขั้นตอนง่ายๆ ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที ดังนี้

  1. เสียบ HardLock ที่พอร์ต USB ของเครื่องคอมพิวเตอร์
  2. เรียกโปรแกรม Envelope ขึ้นมา คลิก Add File เพื่อเลือกไฟล์โปแกรม EXE หรือ DLL ที่จะล็อก (เลือก Option ต่างๆ หากต้องการ) แล้วกดปุ่ม Protect All Files
  3. ทดสอบการใช้งาน

ตอบ : มีขั้นตอนดังนี้

  1. ศึกษาและดูตัวอย่าง API จากคู่มือและไฟล์ตัวอย่างที่อยู่ในแผ่น CD-ROM ของชุดพัฒนา HardLock (Starter’s Kit)
  2. แก้ไข Source Code โดยตัดโปรแกรมตัวอย่างไปวางในจุดต่างๆ ของโปรแกรมที่จะล็อก
  3. คอมไพล์ และทดสอบการใช้งาน

ตอบ : รองรับไฟล์โปรแกรมที่ Run ได้ คือไฟล์โปรแกรม EXE และ DLL และไฟล์ที่มีโครงสร้างเป็น PE32 และ PE64

รองรับไฟล์ โปรแกรม EXE ที่สร้างจาก Visual Studio .Net ทุกภาษา เช่น VB.Net VC.Net เป็นต้น

รองรับไฟล์ข้อมูลทุกชนิด เช่นไฟล์ แอนิเมชัน SWF ของ Flash

ตอบ : ActiveX, C++ Builder, Delphi, Java, VB, MS SQL2000, .Net, RealBasic เป็นต้น และจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ตอบ : ได้ โดยกำหนดจำนวนครั้งของแต่ละโปรแกรมไว้ในตัว HardLock ส่วนในโปรแกรมก็ให้มีการเรียก API เพื่อลดค่าตัวนับทุกครั้งที่ใช้งาน เมื่อลดจนถึงศูนย์โปรแกรมก็จะไม่สามารถใช้งานต่อได้ หากอยากอนุญาตให้ใช้ต่อ ก็เพียงนำตัว HardLock มาบันทึกค่าจำนวนครั้งใหม่ก็จะใช้ได้ต่อไป (นอกจากการใช้ API แล้ว ยังสามารถควบคุมจำนวนครั้งผ่าน Envelope ได้โดยไม่ต้องแก้ Source Code)

ตอบ : เมื่อโปรแกรมที่ท่านขายไปแล้วมีการ Upgrade เป็นเวอร์ชันใหม่ ก็ให้แก้ไขโปรแกรมของท่านไปตามปกติ เสร็จแล้วก็ล็อกโปรแกรมด้วยวิธีเดิม เมื่อได้ไฟล์โปรแกรมใหม่แล้ว ก็ส่งเฉพาะไฟล์ใหม่นั้นให้ลูกค้าไปติดตั้งทับโปรแกรมเดิมได้เลย ไม่ต้องยุ่งอะไรกับตัว HardLock และไม่ต้องขอ HardLock กลับมาด้วย

ตอบ : HardLock ตัว Demo ในชุดพัฒนาจะผลิตมาแบบเดียวกับ HardLock ที่ขาย สามารถใช้งานได้เหมือนจริง แต่รหัสผ่านของตัว Demo จะเปิดเผยและซ้ำกันทุกตัวเพื่อให้สะดวกต่อการทดสอบทดลอง ดังนั้นจึงไม่ควรนำ HardLock ตัว Demo มาล็อกโปรแกรมขายจริงๆ เพราะผู้ที่มีชุดพัฒนาทุกคนจะรู้รหัสผ่าน

ตอบ : รหัสที่มีใน HardLock แต่ละตัวคือ

  1. Customer Code คือรหัสเฉพาะของซอฟต์แวร์เฮาส์แต่ละราย ปกติซอฟต์แวร์เฮาส์หนึ่งรายจะมีรหัส Customer Code นี้เพียงรหัสเดียวเท่านั้น และ HardLock ทุกตัวที่ซอฟต์แวร์เฮาส์รายนี้สั่งจะมีรหัส Customer Code นี้อยู่ภายในเหมือนกันทุกตัว
  2. Password เป็นรหัสผ่านสำหรับการเรียกใช้โปรแกรมและติดต่อกับตัว HardLock มีอยู่ทั้งหมด 4 รหัสต่อ HardLock 1 ตัว รหัสผ่านนี้จะถูกกำหนดมาจากโรงงาน ตั้งเองไม่ได้ และ HardLock ทุกตัวที่เป็น Customer Code เดียวกัน จะใช้ Password เหมือนกันเสมอ
  3. HID HardLock ทุกตัวจะมีรหัสเฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำกับ HardLock ตัวใดเลยในโลก เรียกว่า HID เป็นรหัสที่แก้ไขไม่ได้ ถูกโปรแกรมมาจากโรงงาน

หมายเหตุ : HardLock ที่มีรหัส Customer Code เดียวกัน จะมี Password เหมือนกันเสมอ แต่จะมีรหัส HID จะไม่เหมือนกัน

ตอบ : ขั้นตอนการป้องกันมีหลายชั้นเช่นลูกค้า HardLock ทุกรายจะต้องสมัครและลงทะเบียน Customer Code กับ R&D ก่อนเสมอ และทาง R&Dจะจำหน่าย HardLock ให้แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของ Customer Code อย่างแท้จริงเท่านั้นโดยดูจากหลักฐานในใบสมัคร ทำให้ลูกค้าแต่ละรายไม่สามารถซื้อ HardLock ของบริษัทอื่นได้เลย ส่วนทางลูกค้าเมื่อได้ Password ไปแล้วก็ต้องเก็บรักษาให้ดีที่สุด เพราะถึงมีใครได้รับตัว HardLock ที่มี Customer Code ของท่านไป (เช่นพนักงานของท่าน) แต่เมื่อไม่มี Password ก็จะใช้งานไม่ได้ และอีกจุด ข้อมูลที่ท่านเขียนไว้ในตัว HardLock จะมีท่านเท่านั้นที่ทราบว่าคืออะไร เพราะมีบางตำแหน่งที่เขียนได้อย่างเดียวอ่านกลับไม่ได้ (Write Only)

ตอบ : Password เป็นสิ่งที่ซอฟต์แวร์เฮาส์ต้องเก็บรักษาไว้ให้ดีที่สุด หากหลุดออกไปก็จะต้องยกเลิกการใช้งาน Customer Code นั้นและขอสั่งซื้อ HardLock ตัวใหม่ที่มี Customer Code ใหม่ (ส่วนตัวที่ขายให้ลูกค้าไปแล้วก็ยังคงใช้ได้ตามปกติ)

ตอบ : 

  • สมัครเป็นสมาชิก HardLock ก่อน โดยใช้หลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือบริคณห์สนธิ และต้องระบุชื่อคนที่มีสิทธิ์ซื้อ HardLock รหัสของท่านได้ว่ามีใครบ้าง
  • ซื้อชุดพัฒนา (Starter’s Kit) พร้อมตัว HardLock ตามจำนวนที่ต้องการ

ตอบ : Starter’s Kit คือชุดเริ่มต้นใช้งาน ที่สมาชิก HardLock ทุกรายจะต้องมีไว้ในการพัฒนาสินค้า ใน Starter’s Kit 1 ชุด ประกอบด้วย

  1. ตัว HardLock รหัส Demo 1 ตัว สำหรับใช้ทดสอบคำสั่งต่างๆ
  2. ซอฟต์แวร์ CD-ROM 1 แผ่น
  3. คู่มือการใช้งาน 1 ชุด
  4. ซองรหัส Customer Code รหัสใหม่ที่ไม่ซ้ำกับคนอื่น 1 รหัส
  5. ตัว HardLock รหัสเดียวกับซอง ที่พร้อมนำไปล็อกโปรแกรมขายได้ทันที 5หรือ 20 ตัว แล้วแต่ว่าจะซื้อชุด Starter’s Kit 5หรือ Starter’s Kit 20

ตอบ : มี 3 รุ่นดังนี้

  1. HardLock-ND (HLND) ตัวสีน้ำตาล เป็นสินค้ารุ่นประสิทธิภาพสูง ไม่ต้องใช้ไดรเวอร์ในการทำงาน เหมาะสำหรับการล็อกโปรแกรม Stand Alone ใช้ HardLock 1 ตัวต่อคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง
  2. HardLock-Net (HLNetND) ตัวสีเขียว ใช้สำหรับล็อกโปรแกรมในระบบ LAN ใช้ HardLock 1ตัวควบคุมการใช้งานโปรแกรมในวง LAN ได้มากถึง 65535 ยูสเซอร์ โดยกำหนดจำนวนยูสเซอร์เองได้
  3. HardLock-USB (HLUSB) ตัวสีน้ำเงิน เหมาะแก่การใช้งานทั่วไป สำหรับล็อกโปรแกรม Stand Alone สำหรับผู้ที่จะซื้อใหม่ขอแนะนำให้ใช้ HardLock-ND แทน เนื่องจาก HLUSB นี้เป็นสินค้ารุ่นเก่า

ตอบ : HardLock-USB เป็น Hardlock รุ่นเก่า มึความสามารถต่ำกว่า Hardlock-ND และหยุดการพัฒนาแล้ว ดังนั้นสำหรับลูกค้ารายใหม่ แนะนำให้เลือกใช้ Hardlock-ND แทน